
การบูชา เทพเจ้ากรีก ศิลปะแห่งการสื่อสารกับเทพเจ้า
- J. Kanji
- 27 views
การบูชา เทพเจ้ากรีก เป็นส่วนสำคัญในชีวิต ของชาวกรีกโบราณ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านธรรมดา หรือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ทุกคนต่างมีความเชื่อว่า การบูชาเทพเจ้า จะนำมาซึ่งความโชคดี และการไม่บูชาเทพเจ้า จะนำมาซึ่งความโกรธเกรี้ยว ลองมาดูกันว่าชาวกรีกโบราณ บูชาเทพเจ้า ของพวกเขาอย่างไร
การเซ่นไหว้ เป็นวิธีการบูชา ที่พบบ่อยที่สุด ในวัฒนธรรมกรีกโบราณ พวกเขามักจะนำสัตว์ เช่น วัว แกะ หรือแพะ มาเซ่นไหว้บนแท่นบูชา หลังจากพิธีการฆ่าสัตว์ อย่างศักดิ์สิทธิ์แล้ว เนื้อส่วนหนึ่งจะถูกเผา เพื่อถวายแก่เทพเจ้า ส่วนที่เหลือ จะนำมาประกอบเป็นอาหาร เลี้ยงฉลองร่วมกัน
นอกจากนี้ ยังมีการเซ่นไหว้ด้วยผลไม้ ธัญพืช น้ำผึ้ง น้ำหอม หรือแม้แต่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างไวน์ ซึ่งจะแตกต่างกันไป ตามแต่ละเทพเจ้าด้วย และการเซ่นไหว้ ยังมีความเฉพาะเจาะจง ตามแต่ละเทพเจ้า
เช่น เทพซุส มักจะชอบวัวตัวผู้สีขาว เทพโพไซดอนชอบม้า เทพีอะธีนาชอบแกะตัวเมีย และเทพีอาร์เทมิส ชอบกวางตัวเมีย การเลือกสัตว์ หรือของถวายที่ถูกต้อง เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเชื่อว่า การถวายของที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เทพเจ้า ไม่พอใจได้
ชาวกรีกโบราณ มีเทศกาลมากมาย เพื่อเฉลิมฉลอง และบูชาเทพเจ้า ของพวกเขา เทศกาลที่มีชื่อเสียง มากที่สุดคือ “โอลิมปิก” ซึ่งจัดขึ้น เพื่อถวายแด่เทพซุส ในเอเธนส์มีเทศกาล “พานาเธเนีย” เพื่อบูชาเทพีอะธีนา มีการแข่งขันกีฬา การแสดงดนตรี การเต้นรำ และขบวนแห่อันยิ่งใหญ่
เทศกาลเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เป็นการบูชาเทพเจ้า แต่ยังเป็นโอกาส ให้ผู้คนได้มาพบปะสังสรรค์ และสร้างความสามัคคี ในชุมชนอีกด้วย เทศกาลดิโอนีเซีย (Dionysia) เป็นอีกเทศกาลที่สำคัญ จัดขึ้นเพื่อบูชา ไดโอนีซัส เทพแห่งการมึนเมา ไวน์ และความบันเทิง
เทศกาลนี้ เป็นที่มาของการละคร และโรงละครแบบกรีกโบราณ มีการแสดงละคร โศกนาฏกรรม และตลกขบขัน ผู้ชมจะได้ดื่มไวน์ และเฉลิมฉลองกัน อย่างสนุกสนาน นับเป็นการผสมผสาน ระหว่างศาสนา และศิลปะได้อย่างลงตัว [1]
วิหารเป็นบ้านของเทพเจ้า และเป็นศูนย์กลาง ของการบูชา แต่ละเมืองมักจะมีวิหาร สำหรับเทพ ประจำเมืองของตน เช่น วิหารพาร์เธนอน ในเอเธนส์ ที่อุทิศให้กับเทพีอะธีนา หรือวิหารของเทพอะพอลโลที่เดลฟี ภายในวิหารจะมีรูปปั้น ของเทพเจ้า ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ผู้คนจะมาสวดภาวนา นำของกำนัลมาถวาย
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ได้แก่ แท่นบูชากลางแจ้ง ป่าศักดิ์สิทธิ์ และถ้ำ ที่มีชื่อเสียงมากคือ วิหารหินที่เดลฟี ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ออราเคิล” หรือนักพยากรณ์ ของเทพอะพอลโล ผู้คนจะมาจากทั่วกรีซ เพื่อขอคำทำนาย เกี่ยวกับอนาคต ซึ่งมักจะเป็นคำพยากรณ์ ที่คลุมเครือ และต้องตีความเอาเอง [2]
การบูชา เทพเจ้ากรีก และการสวดมนต์ภาวนา เป็นวิธีส่วนตัว ในการติดต่อกับเทพเจ้า ชาวกรีกโบราณ มักจะสวดมนต์ เพื่อขอความช่วยเหลือ ในยามยากขอพร ให้ประสบความสำเร็จ หรือแสดงความขอบคุณ การสวดมนต์ มักจะประกอบด้วย การกล่าวถึงชื่อของเทพเจ้า และคุณลักษณะพิเศษ ของพวกเขา
ปิดท้ายด้วยคำขอ หรือความปรารถนา ท่าทางประกอบการสวดมนต์ ก็มีความสำคัญไม่น้อย ชาวกรีกมักจะยกมือขึ้น เมื่อสวดมนต์ถึงเทพบนสวรรค์ หรือวางมือแนบพื้นดิน เมื่อสวดมนต์ถึงเทพ แห่งโลกใต้พิภพ รวมไปถึงทำพิธี ชำระล้างร่างกาย ก่อนการสวดมนต์ เพื่อแสดงความเคารพ และความบริสุทธิ์
ในยามวิกฤติ หรือเมื่อต้องการบางสิ่ง เป็นพิเศษ ชาวกรีกอาจจะให้คำสัญญา กับเทพเจ้า โดยบอกว่า หากได้รับสิ่งที่ปรารถนา พวกเขาจะตอบแทน ด้วยการเซ่นไหว้พิเศษ การสร้างอนุสาวรีย์ หรือการจัดงานเฉลิมฉลอง เช่น นักรบอาจสัญญาว่า จะถวายอาวุธของศัตรูแก่ แอรีส ผู้พิทักษ์แห่งสงคราม หากชนะศึก
หรือพ่อค้า อาจสัญญาว่าจะบริจาคเงิน สิบเปอร์เซ็นต์ของกำไร ให้กับวิหารของเทพเฮอร์มีส หากการค้าขาย เป็นไปด้วยดี การผิดคำสัญญา กับเทพเจ้า ถือเป็นการกระทำ ที่อันตรายมาก เพราะเชื่อว่าจะนำมา ซึ่งความโกรธแค้น และการลงโทษจากเทพ
มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับผู้ที่ผิดคำสัญญา และต้องรับโทษอย่างหนัก เช่น กษัตริย์อกาเมมนอน ที่สัญญาจะเซ่นไหว้ กวางที่สวยงามที่สุด ให้เทพีอาร์เทมิส แต่กลับไม่ทำตามสัญญา ทำให้กองทัพของเขา ติดอยู่บนเกาะ และไม่สามารถแล่นเรือ ต่อไปได้
นอกเหนือจากการบูชา แบบสาธารณะแล้ว ยังมีพิธีกรรมลับที่เรียกว่า “พิธีลึกลับ” (Mysteries) สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือก พิธีลึกลับที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Eleusinian Mysteries อุทิศให้กับเทพีดีมีเตอร์ และธิดาของเธอ เพอร์เซโฟนี
ผู้เข้าร่วม จะต้องรักษาความลับ ของพิธีกรรมอย่างเคร่งครัด พวกเขาเชื่อว่า การเข้าร่วมพิธี จะช่วยให้ชีวิตหลังความตายดีขึ้น และได้รับการปกป้อง จากเทพเจ้าในโลกหน้า [3] พิธีกรรมลับอีกแบบหนึ่ง คือพิธีบูชาเทพไดโอนีซุส ที่เรียกว่า “Bacchic Mysteries” หรือ “Dionysian Mysteries”
ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ คือมีการดื่มไวน์ การเต้นรำอย่างเร่าร้อน และการปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึก ผู้เข้าร่วม โดยเฉพาะผู้หญิงที่เรียกว่า “Maenads” หรือ “Bacchantes” จะเข้าสู่สภาวะ คล้ายการถูกเข้าทรง เชื่อว่าเป็นการ เชื่อมต่อกับพลัง ของเทพไดโอนีซุสโดยตรง
สรุป การบูชาเทพเจ้า ในวัฒนธรรมกรีกโบราณ ที่ปัจจุบันยังคงมีอยู่ แม้ว่าเราจะมองพิธีกรรมเหล่านี้ เป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนาน แต่การที่เราศึกษาวิธีการบูชา ของชาวกรีกโบราณ ช่วยให้เราเข้าใจถึงความคิด ค่านิยม และวิถีชีวิตของอารยธรรม ที่มีอิทธิพลต่อโลกตะวันตกอย่างมาก มาจนถึงปัจจุบัน
เทพซุส (Zeus) ในฐานะเทพสูงสุด แห่งโอลิมปัส ได้รับการบูชามากที่สุด มีวิหารอุทิศให้ท่าน ในเมืองสำคัญเกือบทุกแห่ง รวมถึงที่โอลิมเปีย ซึ่งเป็นสถานที่จัดกีฬาโอลิมปิก ในบางที่แต่ละเมือง อาจมีเทพประจำเมือง ที่ได้รับการบูชาเป็นพิเศษ เช่น เทพีอะธีนาในเอเธนส์ หรือเทพโพไซดอนในเมืองใกล้ทะเล
ชาวกรีกบูชาเทพเจ้า เพื่อหลายวัตถุประสงค์ เช่น ขอความคุ้มครอง ความอุดมสมบูรณ์ของพืชผล สุขภาพที่ดี โชคในการเดินเรือ และการค้า นอกจากนี้ยังเป็นการ แสดงความเคารพ และการขอบคุณ สำหรับพรที่ได้รับ เชื่อกันว่า การไม่บูชาเทพเจ้า อาจนำมาซึ่งความโกรธเกรี้ยว และการลงโทษได้