
นิสัยการนอน ของแมว นักล่าผู้รักการพักผ่อน
- Harry P
- 74 views
นิสัยการนอน ของแมว ถ้าคุณเลี้ยงแมว คุณอาจเคยสังเกต ว่าพวกมันใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับการนอน ไม่ว่าจะตอนกลางวัน หรือกลางคืน บางทีในขณะที่เราตื่นมาทำกิจกรรมต่างๆ พวกมันยังคงหลับสนิทอยู่ที่เดิม ดูเหมือนชีวิตของแมว จะหมุนรอบการนอนเสียเป็นส่วนใหญ่
เบื้องหลังพฤติกรรมการนอนของแมวนี้ มีเหตุผล ที่เกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการ สรีรวิทยา และพฤติกรรมของแมว ในฐานะนักล่า การที่พวกมัน นอนได้มากถึงวันละ 16 ชั่วโมง หรือบางครั้งอาจมากถึง 20 ชั่วโมง สำหรับลูกแมว และแมวแก่ [1]
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากวิวัฒนาการ ที่ทำให้แมว สามารถใช้พลังงาน อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อความอยู่รอด
แมวไม่ได้หลับสนิทตลอด 16 ชั่วโมงที่มันใช้ไป แต่จะสลับกัน ระหว่างช่วง หลับลึก และหลับตื้น วงจรการนอนของพวกมัน แตกต่างจากมนุษย์อย่างมาก ในขณะที่มนุษย์ มีรอบการนอนที่คงที่ โดยเฉลี่ย 90 นาทีต่อรอบ แต่แมวมีรอบการนอน ที่สั้นกว่า และมักจะหลับเป็นช่วงสั้นๆ แล้วตื่นขึ้นมาใหม่
แมวจะใช้เวลาประมาณ 70% ของช่วงเวลาที่มันนอน อยู่ในภาวะ หลับตื้น (Light Sleep) นั่นหมายความว่ามัน สามารถตื่นตัวได้ทันที หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น กลไกนี้เป็นผลจากวิวัฒนาการ ที่ช่วยให้แมวในป่า ยังคงระมัดระวังต่อศัตรู และภัยอันตราย แม้จะอยู่ในช่วงพักผ่อน
อีก 30% ที่เหลือเป็นการหลับลึก (Deep Sleep) ซึ่งในช่วงนี้ แมวจะฟื้นฟูร่างกาย ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และเสริมสร้างพลังงานใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงหลับลึก REM (Rapid Eye Movement) พวกมันอาจฝันเหมือนมนุษย์
เราอาจเห็นแมวกระตุก หางกระดิก หรือแม้แต่ส่งเสียงเบาๆ ซึ่งบ่งบอกว่ามัน กำลังฝันถึงสิ่งที่อาจเป็นการล่า การเล่น หรือการเผชิญหน้า กับสิ่งต่างๆในโลกของพวกมัน
แมวเป็นสัตว์นักล่าตามธรรมชาติ แม้ว่าแมวบ้านในปัจจุบัน จะไม่ต้องล่าเพื่อเอาชีวิตรอด เหมือนบรรพบุรุษของมันในป่า แต่พฤติกรรมพื้นฐานของแมว ยังคงเหมือนเดิม นั่นคือการเก็บพลังงานเพื่อการล่า ในธรรมชาติ แมวป่าและแมวสายพันธุ์อื่น เช่น เสือดาวหรือสิงโต เป็นนักล่าที่ใช้กลยุทธ์การซุ่มโจมตี
ซึ่งต้องการพลังงานอย่างมาก ในการพุ่งเข้าจู่โจมเหยื่อ อย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ได้ออกล่าเป็นเวลานาน เหมือนหมาป่า หรือสัตว์กินเนื้อประเภทอื่น แต่จะเลือกเก็บพลังงานไว้ใช้ ในช่วงเวลาสำคัญ ด้วยเหตุนี้ การนอนหลับเป็นเวลานาน จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเป็นช่วงที่ร่างกาย จะได้ฟื้นฟูพลังงาน
แม้ว่าแมวบ้าน จะไม่จำเป็นต้องล่า แต่สัญชาตญาณของนักล่า ก็ยังคงอยู่ การเล่นของแมว เช่นการกระโดดใส่ของเล่น หรือแม้แต่พฤติกรรมการซุ่ม แล้วกระโดดใส่เจ้าของ ล้วนเป็นการสะท้อน สัญชาตญาณการล่า และการที่พวกมัน ยังคงนอนวันละ 16 ชั่วโมงก็เป็น พฤติกรรมแมว ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ
แมวเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมแบบ crepuscular นั่นหมายความว่า พวกมันจะตื่นตัวมากที่สุด ในช่วงรุ่งเช้า และหัวค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลา ที่สัตว์นักล่าขนาดเล็ก อย่างหนู หรือกระต่าย ออกหากินมากที่สุด
สิ่งนี้อธิบายได้ ว่าทำไมแมวบ้านของคุณ ถึงดูคึกคักเป็นพิเศษ ในช่วงเช้ามืด หรือมักจะวิ่งเล่นอย่างร่าเริง หลังพระอาทิตย์ตกดิน ในช่วงกลางวัน และกลางคืนที่เหลือ พวกมันจะใช้เป็นเวลานอน เพื่อเก็บพลังงาน
แมวบางตัว อาจปรับพฤติกรรมตามเจ้าของได้บ้าง อย่างเช่น ถ้าเจ้าของตื่นเช้า และเข้านอนเร็ว แมวก็อาจปรับวงจรการนอน ให้สอดคล้อง กับกิจวัตรของเจ้าของได้ แต่โดยธรรมชาติแล้ว พวกมันจะยังคงมีความตื่นตัวสูง ในช่วงเช้ามืด และหัวค่ำเสมอ [2]
แมวที่นอนเยอะกว่าปกติ ถือเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ หรือเป็นเรื่องที่ปกติ
แม้ว่าการนอน 16 ชั่วโมงต่อวัน จะเป็นเรื่องปกติของแมว แต่ถ้าคุณสังเกต ว่าแมวของคุณ เริ่มนอนมากผิดปกติ หรือดูเฉื่อยชาเกินไป อาจเป็นสัญญาณ ของปัญหาสุขภาพ
ดังนั้น หากคุณสังเกตเห็นว่าแมวของคุณ นอนมากขึ้นกว่าปกติ จนผิดสังเกต และมีพฤติกรรมอื่น ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น กินน้อยลง เล่นน้อยลง หรือขนดูหยาบกระด้าง ควรพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจสอบสุขภาพ
สรุป นิสัยการนอน ของแมว การที่มันใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับการนอน ไม่ใช่แค่เพราะพวกมันขี้เกียจ แต่เป็นผลมาจากวิวัฒนาการ ที่ช่วยให้พวกมัน สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แมวยังคงรักษาพฤติกรรมของนักล่า โดยเก็บพลังงาน เพื่อใช้ในช่วงเวลาสำคัญ อย่างการล่า และการเล่น
ช่วงหัวค่ำ และช่วงเช้ามืด เป็นเวลาที่เหยื่อ ในธรรมชาติของแมว ออกมาหากินมากที่สุด แมวจึงมีวิวัฒนาการ ให้ตื่นตัวในช่วงเวลานี้ เพราะเป็นช่วง ที่มีโอกาสล่าได้สำเร็จสูงสุด
ควรสังเกตพฤติกรรมอื่นร่วมด้วย ถ้ามันดูซึม ไม่กินอาหาร หรือไม่เล่นเหมือนปกติ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ ควรพาไปพบสัตวแพทย์