
ราชวงศ์ แห่งโลกแมว ประวัติของแมวพันธุ์โบราณ
- Harry P
- 23 views
ราชวงศ์ แห่งโลกแมว แมวที่หลบซ่อนอยู่ ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ไม่ใช่เพียงสัตว์เลี้ยง หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิต ที่อยู่เคียงข้างกษัตริย์ และนักบวชโบราณ แมวในโลกปัจจุบัน มีมากมายหลายสายพันธุ์ แต่มีเพียงไม่กี่สายพันธุ์ ที่ถือกำเนิดมาจากอดีตกาลเป็น “ราชวงศ์แห่งโลกแมว” ที่สืบสายพันธุ์มายาวนาน
ราชวงศ์ แห่งโลกแมว อาจไม่ได้สวมมงกุฎ แต่พวกมันมีบัลลังก์เป็นหมอนนุ่ม ดวงตาเป็นเหมือนอัญมณี และสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ คือประวัติศาสตร์ของโลก ในอีกภาษาหนึ่ง ที่พูดด้วยเสียงครางเบาๆ หากย้อนกลับไปก่อนจะมีคำว่า “สัตว์เลี้ยง” แมวเคยเป็นสัญลักษณ์ ของเทพ เทพี และพลังลี้ลับ
หลายวัฒนธรรมโบราณ ยกย่องแมวว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะในอียิปต์ แมวไม่ได้มีบทบาท แค่ควบคุมหนูในโกดังเก็บข้าว แต่ยังเกี่ยวข้องกับเทพีบาสเตต (Bastet) เทพแมวผู้ปกป้องบ้าน และความสงบสุข ในญี่ปุ่น แมวก็ปรากฏในฐานะผู้พิทักษ์ แห่งโชคลาภ “มาเนะกิเนะโกะ” หรือแมวกวัก
ซึ่งมีความเชื่อโบราณว่า แมวสามารถมองเห็นวิญญาณ และขับไล่พลังชั่วร้าย ออกจากบ้านได้ เช่นเดียวกับในยุโรปยุคกลาง แม้แมวจะเคยถูกตีตรา ว่าเกี่ยวข้องกับแม่มด แต่ก็มีบันทึก ในราชสำนักฝรั่งเศส และอิตาลี ที่แมวสายพันธุ์หายาก ถูกเลี้ยงดูในฐานะสัตว์ประจำตำหนัก ของเหล่าขุนนาง
แมวพันธุ์เก่าแก่หลายสายพันธุ์ ในปัจจุบัน อาจผ่านการผสมพันธุ์ เพื่อรักษาลักษณะเฉพาะตัวไว้ แต่พวกมันยังคงถือเป็น “เลือดแท้” ที่สืบเชื้อสายมาจาก แมวในอดีตกาล และมีลักษณะที่น่าหลงใหล ไม่แพ้ตำนานที่ห่อหุ้มมันอยู่
อียิปต์เมา (Egyptian Mau) เจ้าแมวลายจุดดั้งเดิม
ถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมว ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ลวดลายจุดบนตัว ไม่ใช่การเพาะพันธุ์ภายหลัง แต่เป็นลักษณะทางพันธุกรรม ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อียิปต์เมาวิ่งเร็วระดับเกิน 48 กม./ชม. และมีดวงตาสีเขียวอมน้ำเงิน คล้ายเครื่องราง จากอียิปต์โบราณ บ้างก็ว่าดวงตาของมัน คือประตูมองย้อนสู่อดีต [1]
โคราช (Korat) อัญมณีจากเมืองไทย
แมวโคราชหรือ “แมวสีสวาด” แมวไทย ในสมุดข่อย โบราณ เป็นแมวที่มีขนสีเทาเงินแวววาว โดยเชื่อกันว่า เป็นแมวนำโชคของไทย แมวโคราชจะนำพาความเจริญ และความมั่งคั่ง มาสู่บ้านที่มันอยู่ แต่การจะได้รับโคราชมาเลี้ยง ตามธรรมเนียมโบราณนั้น ต้องได้รับเป็นของขวัญ ไม่ใช่ซื้อมา [2]
สยาม (Siamese) เสียงร้องจากวังหลวง
แมวพันธุ์สยาม คือตัวแทนของความสง่างาม และความลึกลับ ด้วยลวดลาย “พอยท์” (point) สีเข้มที่ปลายหู หาง และอุ้งเท้า พร้อมดวงตาสีฟ้าลึก ที่เหมือนจะพูดกับเจ้าของได้
แมวสยามนั้น มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทย และเคยถูกเลี้ยงในวังหลวง เป็นแมวประจำองค์กษัตริย์ และขุนนางผู้สูงศักดิ์ ความฉลาด ความอ่อนไหว และความผูกพันกับมนุษย์ ทำให้มันยังคงเป็นที่รัก ไม่มีเสื่อมคลาย
เตอร์กิชแองโกรา (Turkish Angora) ขนขาวราวเกล็ดหิมะ
อีกหนึ่งสายพันธุ์โบราณ ที่มีต้นกำเนิด ในแถบตุรกี แมวแองโกรามีขนยาวสลวย สีขาวบริสุทธิ์ และมีดวงตาสองสี (heterochromia) ที่ทำให้มันดูราวกับเป็น เทพธิดาจากหิมะ เรื่องเล่าโบราณกล่าวว่า แมวขนขาวตาสองสี คือสัตว์ประจำพระหัตถ์ ของเทพีแห่งภูเขาแห่งอานาโตเลีย [3]
เปอร์เซีย (Persian) ผู้สูงศักดิ์ แห่งอารยธรรมตะวันออกกลาง
แมวเปอร์เซีย คือแมวแห่งผืนพรมลอยฟ้า หน้าตุ๊กตา ขนยาวหรูหรา และนิสัยสงบ คล้ายเจ้าขุนมูลนาย พวกมันปรากฏในบันทึก ของราชวงศ์เปอร์เซีย และอาณาจักรโบราณ แถบตะวันออกกลาง แมวพันธุ์นี้เป็นที่ชื่นชอบ ของในวังยุโรปด้วย โดยเฉพาะในอังกฤษ ช่วงวิกตอเรียน
แม้ว่าบางสายพันธุ์ จะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยม แต่ก็ยังมีการอนุรักษ์ ลักษณะพันธุกรรมดั้งเดิม อย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของสายเลือด และลักษณะเฉพาะ แมวพันธุ์โบราณบางสายพันธุ์ ยังคงเกี่ยวข้องกับพิธีกรรม ความเชื่อ หรือการให้เป็นของขวัญพิเศษ
แมวพันธุ์โบราณอาจมาจากอดีต แต่การดูแลพวกมัน ในโลกปัจจุบัน กลับเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกว่าที่คิด เพราะแมวเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงธรรมดา หากแต่เป็น “สมบัติเชิงวัฒนธรรมที่มีชีวิต” ต้องเข้าใจทั้งสายพันธุกรรม พฤติกรรมเฉพาะตัว และภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ของพวกมันให้ลึกซึ้ง
แมวอย่างโคราชจากเมืองไทย หรืออียิปต์เมา ที่วิ่งเร็วราวเงาในทะเลทราย อาจไม่ใช่แมว ที่เหมาะกับชีวิตคอนโด พวกมันต้องการพื้นที่กว้างๆ อากาศที่ไม่ชื้นเกินไป แมวสายพันธุ์โบราณมักไวต่อสิ่งแวดล้อม จึงไม่ค่อยทนกับเสียงดัง ได้เหมือนแมวทั่วไป และบางพันธุ์ อาจยังมีภาวะทางพันธุกรรมที่ต้องระวัง
แมวพันธุ์โบราณ ไม่ได้มีคุณค่า แค่ความสวยงาม แต่ยังเป็นตัวแทน ของสายพันธุกรรม ที่ฝังแน่นในประวัติศาสตร์ มาหลายพันปี การสืบพันธุ์อย่างระมัดระวัง และการอนุรักษ์ลักษณะพันธุกรรม ทำให้แมวเหล่านี้กลายเป็น “แคปซูลทางชีววิทยา” ที่เชื่อมต่อปัจจุบันเข้ากับอดีต
พวกมันไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นเรื่องเล่าที่มีชีวิต เป็นบทกวีที่ขับขาน ผ่านความสง่างาม และที่สำคัญที่สุดคือ “การเข้าใจธรรมชาติของพวกมัน” แมวพันธุ์โบราณมีบุคลิกเฉพาะ ที่มักสงวนท่าที สุขุม หรือบางตัวอาจเงียบขรึม คล้ายผู้ที่มีประสบการณ์ มานับศตวรรษ
อาจไม่ค่อยยอมเปิดใจให้ใครง่ายๆ จึงต้องใช้เวลา ความอ่อนโยน และความเสมอต้นเสมอปลาย ในการสร้างความสัมพันธ์ คล้ายกับการเป็นผู้ดูแลหนังสือโบราณ ที่ไม่อาจเปิดอ่านได้ ด้วยมือเปล่า
สรุป แมวพันธุ์โบราณไม่เพียงแต่เป็น สิ่งมีชีวิตที่งดงาม แต่คือคำจารึก ที่ยังมีลมหายใจ อยู่ในยุคปัจจุบัน การได้อยู่ใกล้แมวเหล่านี้ เหมือนการนั่งลง อยู่ท่ามกลางตำนานหนึ่งหน้า ได้ฟังเสียงกระซิบจากอดีต และได้สัมผัสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เดินเคียงข้างเรา ในคราบของแมวตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง
แมวพันธุ์โบราณมีรูปร่าง ลักษณะนิสัย และประวัติที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณ หลายสายพันธุ์ถูกยกย่อง ในวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น โคราชที่ถือเป็นแมวแห่งโชคลาภของไทย หรืออียิปต์เมา ที่เคยเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ในยุคฟาโรห์
มีอย่างยิ่ง เพราะแมวเหล่านี้เป็นเสมือนตัวแทน ของมรดกทางวัฒนธรรมที่มีชีวิต การเลี้ยงพวกมัน คือการรักษาความเชื่อ ความศรัทธา และประวัติศาสตร์ ที่ฝังอยู่ในเส้นขน และดวงตาคู่นั้น ให้คงอยู่ต่อไป ในโลกยุคใหม่อย่างมีความหมาย