
วิทยาศาสตร์ แมวเก้าชีวิต ความจริงหรือแค่ตำนาน
- Harry P
- 84 views
วิทยาศาสตร์ แมวเก้าชีวิต คุณคงเคยได้ยิน คำกล่าวที่ว่า “แมวมีเก้าชีวิต” ซึ่งเป็นความเชื่อที่มีมายาวนาน ความสามารถในการรอดชีวิตของแมว ที่ดูเหนือธรรมชาติ คำกล่าวนี้มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ อะไรคือเหตุผล ที่ทำให้แมวรอดจากสถานการณ์ ที่อันตรายถึงชีวิตมาได้ หรือแมวมีเก้าชีวิตจริงๆ
ถ้าพูดถึงแมว สิ่งหนึ่งที่หลายคนเคยได้ยิน คือความเชื่อที่ว่า “แมวมีเก้าชีวิต” แม้ว่ามันจะเป็นเพียงตำนาน ที่แพร่หลายมาหลายศตวรรษ แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้น โดยไม่มีเหตุผล เพราะแมวเป็นสัตว์ที่มีความสามารถ ด้านการเอาตัวรอดสูง มากจนดูเหมือนพวกมัน สามารถหลบเลี่ยงความตาย ได้หลายครั้งจริงๆ
ต้นกำเนิดของตำนานนี้ ไม่แน่ชัด แต่นักประวัติศาสตร์คาดว่า มีรากฐานมาจากหลายแหล่งที่มา อย่างอียิปต์โบราณ ที่ซึ่งเคารพแมว เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และมักเกี่ยวข้องกับ เทพีบาสเตต (Bastet) นอกจากนี้ ยังมีหลายเรื่องเล่า ที่พวกมันสามารถรอดจากอันตราย ที่สัตว์อื่นไม่สามารถรอดพ้นได้ [1]
ที่น่าสนใจคือ ในบางวัฒนธรรม ตัวเลข “เก้า” อาจแตกต่างออกไป ตัวอย่างเช่น ในโลกอาหรับมีความเชื่อว่า แมวมีเพียง “เจ็ดชีวิต” ส่วนในบางส่วนของตุรกี และเยอรมนี เชื่อว่าแมวมีแค่ “หกชีวิต” อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องหลายชีวิตของแมว ก็ยังคงแพร่หลายในหลายพื้นที่ทั่วโลก
แม้ว่าความเชื่อ เรื่องแมวเก้าชีวิต จะเป็นเรื่องของตำนาน และวัฒนธรรม แต่ก็มีหลักฐานในทางวิทยาศาสตร์ ที่อธิบายได้ว่าเหตุใด แมวจึงสามารถรอดจากอันตราย ได้ดีกว่าสัตว์อื่นๆ มีเหตุผลมากมาย ที่อยู่เบื้องหลัง “การเอาตัวรอดของแมว”
หนึ่งในความสามารถ ที่ช่วยให้แมวเอาตัวรอด จากการตกจากที่สูงคือ “Righting Reflex” หรือกลไกการพลิกตัวในอากาศ ซึ่งพัฒนาได้ตั้งแต่ลูกแมว ที่มีอายุไม่กี่สัปดาห์
เมื่อแมวตกจากที่สูง พวกมันจะสามารถหมุนตัว กลับมาอยู่ในท่า ที่เท้าสัมผัสพื้นก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ และสัตว์ชนิดอื่น ไม่สามารถทำได้ อย่างมีประสิทธิภาพเท่าแมว
กระบวนการนี้เกิดขึ้นได้ เพราะแมวมีหูชั้นใน ที่พัฒนาอย่างดีเยี่ยม ซึ่งช่วยให้พวกมัน สามารถรับรู้ตำแหน่งของร่างกาย ในอากาศได้อย่างรวดเร็ว แมวจะหมุนหัวก่อน จากนั้นจึงหมุนลำตัวส่วนหน้า และส่วนหลังตามมา ทำให้สามารถ ตั้งตัวก่อนตกถึงพื้นได้ ในเวลาไม่กี่เสี้ยววินาที [2]
แมวมีลักษณะพิเศษ ที่เรียกว่า “Terminal Velocity” ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ เมื่อสิ่งมีชีวิตตกจากที่สูง ความเร็วจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับหนึ่งที่เรียกว่า “ความเร็วปลาย” (Terminal Velocity) เป็นจุดที่แรงต้านอากาศ กับแรงโน้มถ่วงสมดุลกัน
สำหรับมนุษย์ ความเร็วปลายจะอยู่ที่ประมาณ 193 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่สำหรับแมวแล้ว ความเร็วปลายจะอยู่ที่เพียง 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะแมวมีร่างกายที่เล็ก และขยายขาออกเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิว ทำให้พวกมันมีโอกาสรอดมากขึ้น เมื่อร่วงลงจากที่สูง [3]
นอกจากนี้ เมื่อแมวตกถึงพื้น มันจะงอขา เพื่อลดแรงกระแทก ซึ่งทำให้กระดูก และกล้ามเนื้อ สามารถดูดซับแรงได้ดีขึ้น ส่งผลให้พวกมัน รอดจากอุบัติเหตุ ที่อาจถึงตายสำหรับสัตว์อื่น
แมวมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง และสามารถรักษาบาดแผล ของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยให้พวกมันรอดชีวิต จากอาการบาดเจ็บ ที่อาจถึงชีวิตสำหรับสัตว์อื่น นอกจากนี้ น้ำลายของแมวยังมีเอนไซม์ ที่ช่วยลดการติดเชื้อ ทำให้แผลของมัน สามารถสมานได้เร็วขึ้น
แมวเป็นสัตว์ที่ถูกยกย่อง ในหลายวัฒนธรรม และแนวคิดเรื่องแมวเก้าชีวิต ก็ได้รับการตีความ ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่
แม้แต่ในปัจจุบัน แมวก็ยังคงถูกมอง ว่าเป็นสัตว์ที่ลึกลับ และมีเสน่ห์ บางคนเชื่อว่าแมวสามารถมองเห็น สิ่งที่มนุษย์ ไม่สามารถมองเห็นได้ หรือสามารถสัมผัส ถึงพลังงานแปลกประหลาด ที่อยู่รอบตัวได้อีกด้วย
สรุป แม้ว่าเก้าชีวิตของแมว จะเป็นเพียงตำนาน แต่วิทยาศาสตร์ ก็สามารถอธิบายได้ ว่าทำไมแมว ถึงดูเหมือนมีชีวิตรอด จากอุบัติเหตุร้ายแรงได้หลายครั้ง ด้วยร่างกายที่ยืดหยุ่น สัญชาตญาณอันแม่นยำ และความสามารถทางชีววิทยา ในการรักษาตัวเอง และนี่คืออีกเหตุผล ที่ทำให้แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มหัศจรรย์
แม้ว่าแมวจะมีความสามารถที่น่าทึ่ง ในการรอดชีวิต จากสถานการณ์อันตราย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นอมตะ หรือมีชีวิตมากกว่าหนึ่งชีวิต ความเชื่อนี้ เป็นเพียงสำนวน ที่อธิบายถึงความสามารถ อันน่าทึ่งของแมว ในการเอาตัวรอด อย่างไรก็ตาม แมวก็ยังคงเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตได้เช่นกัน
ใช่ แมวมีระบบภูมิคุ้มกัน ที่แข็งแรง และน้ำลายของพวกมัน มีเอนไซม์ ที่ช่วยลดการติดเชื้อ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และแมวยังมีพฤติกรรม ที่เลียแผลของตัวเอง ซึ่งช่วยทำความสะอาดแผล และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้สามารถฟื้นตัว จากอาการบาดเจ็บ ได้เร็วกว่าสัตว์อื่น