
ศึกนอกสนาม บาสไทย ความจริงของวงการบาสไทย
- Harry P
- 19 views
ศึกนอกสนาม บาสไทย ความเป็นจริงที่นักบาส และคนในวงการต้องเผชิญ ปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังระบบ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ทั้งในระดับสโมสร ทีมชาติ และการพัฒนารากฐาน ทำให้เส้นทางของบาสเกตบอลไทย เต็มไปด้วยอุปสรรค ที่ไม่ได้มาจาก เกมในสนามเลยสักนิด
ศึกนอกสนาม บาสไทย เมื่อพูดถึงวงการบาสเกตบอลไทย ภาพที่หลายคนอาจนึกถึง คือการแข่งขันดุเดือด การดังค์สุดมัน หรือเสียงเชียร์ จากกองเชียร์ที่อัดแน่นในสนาม แต่เบื้องหลังเหล่านั้น กลับมีอีกเวทีที่ซับซ้อน และเปราะบางยิ่งกว่า ศึกนอกสนามที่นักบาสไทย และบุคลากรในวงการ ต้องเผชิญอยู่ทุกวัน
ปัญหาเหล่านี้ ไม่ได้เริ่มจาก ความผิดของนักกีฬา แต่เป็นผลสะสมจากระบบ ที่มีรอยร้าว ซ่อนอยู่ในโครงสร้าง ตั้งแต่ความขัดแย้ง ระดับนโยบาย ไปจนถึงเรื่องเล็กๆ อย่างค่ารถ ค่าอาหาร หรือแม้แต่ความรู้สึกว่า “ไม่มีใครเห็นเราเลย”
สองสมาคม หนึ่งสนาม หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุด ที่กัดกินวงการบาสไทย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือความขัดแย้ง ระหว่างสององค์กรหลัก ที่ต่างอ้างสิทธิ์ เป็นผู้ดูแลลีกอาชีพของไทย โดยหนึ่งฝั่งคือ สมาคมบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย (BSAT)
และอีกฝั่งคือ บริษัทเอกชนที่ริเริ่ม และพัฒนา Thai Basketball League (TBL) ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ การบริหารซ้ำซ้อน แต่รวมถึงความไม่แน่นอน ที่นักกีฬา และสโมสรต้องเผชิญ เช่น การประกาศตารางแข่งขัน ที่ล่าช้า สิทธิ์ในการส่งทีมเข้าแข่งขัน ที่เปลี่ยนไปมา
และการคัดเลือกตัวแทนทีมชาติ ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฟอร์ม แต่ขึ้นอยู่กับ “ใครสังกัดใคร” ผลที่ตามมาคือ นักบาสหลายคน ต้องเลือกข้าง บางคนหลุดจากทีมชาติ อย่างไม่ทราบเหตุผล ขณะที่บางคน ต้องพยายามรักษา ความสัมพันธ์กับทั้งสองฝั่ง แม้รู้ว่าการประนีประนอมนี้ อาจทำลายโอกาสในอนาคต [1]
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเปิดโควตา นักกีฬาอาเซียนในลีกไทย ทำให้มี นักบาสฟิลิปปินส์ หลั่งไหลเข้ามา ในสโมสรต่างๆ อย่างรวดเร็ว ด้วยทักษะ ความเร็ว และประสบการณ์ ที่เหนือกว่านักบาสไทยหลายคน ในบางตำแหน่ง นักบาสฟิลิปปินส์เหล่านี้ ได้กลายเป็นตัวหลัก ของหลายทีมอย่างรวดเร็ว [2]
แม้จะส่งผลดี ในแง่การแข่งขัน ที่เข้มข้นขึ้น แต่ก็เกิดคำถามว่า การเปิดโควต้านี้ เป็นการ “พัฒนาวงการ” หรือ “ทำลายนักกีฬาไทย” กันแน่ หลายคนเสียตำแหน่งในทีม หลายคนถูกเปลี่ยนจากผู้เล่นหลัก เป็นเพียงตัวสำรอง หรือไม่มีสโมสรไหน รับเข้าร่วมเลย
ความรู้สึกของการเป็น “คนแปลกหน้า ในลีกของตัวเอง” เริ่มแพร่กระจาย ขณะที่ระบบเยาวชน ก็เริ่มส่งสัญญาณว่า เด็กรุ่นใหม่เริ่มมองหาทางอื่น มากกว่าการเอาจริงเอาจัง กับบาสอาชีพ เพราะเห็นตัวอย่างรุ่นพี่ ที่พยายามแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถ ยืนอย่างมั่นคงในระบบได้
อีกหนึ่งกรณีศึกษา ที่สะท้อนถึงภาพความสับสน ของระบบคือ ทีมบาส ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยเป็นศูนย์รวมของนักกีฬา ระดับทีมชาติ และนักเรียนทุน จากทั่วประเทศ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทีมกลับพบกับความไม่แน่นอน ในการสนับสนุน จากภายในองค์กรเอง [3]
แม้ยังมีชื่อในระดับลีก และผลงานในรายการนักศึกษา แต่ภายใน กลับเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งเรื่องงบประมาณ การคัดตัวผู้เล่น และแผนพัฒนาในระยะยาว นักกีฬาบางคน ต้องควักเงินตัวเอง เพื่อเดินทางไปแข่ง บางคนไม่มีเทรนเนอร์ หรือแพทย์สนามประจำ
คำถามไม่ใช่แค่ว่า “ทำไมมหาวิทยาลัย ไม่สนับสนุนเต็มที่” แต่คือ “ทำไมไม่มีโครงสร้างระดับประเทศ ที่ชัดเจนในการใช้ทีมมหาวิทยาลัย พัฒนาเยาวชน” เพราะในหลายประเทศอย่างญี่ปุ่น หรือฟิลิปปินส์ ทีมมหาวิทยาลัย คือหัวใจของระบบ ที่คัดเลือกทีมชาติในอนาคต
บาสเกตบอลไทย ยังคงต้องเผชิญ กับปัญหาความเหลื่อมล้ำ ที่แทบไม่มีใคร กล้าพูดถึง นั่นคือความแตกต่างของ “จุดเริ่มต้น” นักกีฬาหลายคน มาจากต่างจังหวัด ไม่มีสนามมาตรฐาน ไม่มีโค้ชประจำ และไม่มีโอกาส ที่จะได้ลงแข่งขันระดับสูง เหมือนโรงเรียนในกรุงเทพฯ หรือโรงเรียนกีฬาชื่อดัง
ยังมี บาสไทย ในเงามืด ที่มีพรสวรรค์มากมาย แต่ต้องเลิกเล่น เพราะไม่มีรองเท้า ไม่มีค่าเดินทาง หรือไม่สามารถ ไปแข่งขันคัดตัวได้ เพราะต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน การขาดระบบสเกาต์ หรือการจัดการแข่งขัน ที่ทั่วถึงทั่วประเทศ ทำให้คนเหล่านี้ หายไปจากระบบอย่างเงียบๆ
ขณะที่คนที่มีโอกาส เดินทางฝึกซ้อม ในสนามคุณภาพดี หรือมีผู้ปกครองสนับสนุน กลับมีโอกาสได้ต่อยอด แม้บางครั้ง ไม่ได้เก่งกว่ากันมากนัก
ศึกนอกสนาม บาสไทย ไม่ใช่แค่การทะเลาะ ของผู้ใหญ่ หรือปัญหา ในห้องประชุม แต่มันสะท้อนออกมา ถึงทุกจังหวะชีวิต ของนักกีฬา เยาวชน โค้ช และแฟนบาส มันคือระบบที่ยังไม่ชัดเจน โครงสร้างที่ยังไม่เสถียร และอนาคต ที่ยังไม่มีใครรับประกัน
เกมในสนาม อาจมีแพ้ชนะ แต่อย่างน้อย ก็รู้ว่าต้องเล่นกี่นาที มีกติกาชัดเจน แต่เกมนอกสนามของบาสไทยนั้น มันยังไม่มีเสียงนกหวีดเริ่มเกม และยังไม่เคยมีเสียงนกหวีด ว่าจบครึ่งแรกเลยด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุดแล้ว การพูดถึงปัญหานอกสนาม ไม่ได้หมายถึงการกล่าวโทษ แต่คือการชี้ให้เห็นว่า ถ้าอยากให้บาสไทยก้าวหน้า ต้องจัดการกับระบบที่ยังขัดแย้ง สร้างโอกาสโดยไม่แบ่งแยก และส่งเสริมผู้เล่นทุกกลุ่ม อย่างเท่าเทียม เพราะเกมในสนาม จะไม่มีวันแข็งแกร่งได้ ถ้าพื้นฐานของเกมนอกสนาม ยังอ่อนแอ
เพราะปัญหานอกสนาม ไม่ได้อยู่ที่ฟอร์มการเล่น แต่เป็นระบบที่ไม่เสถียร ความขัดแย้งระหว่างองค์กร ขาดแผนพัฒนาเยาวชน และการบริหารที่ไม่ชัดเจน ทำให้นักกีฬา ที่แม้จะมีฝีมือ แต่ก็ยืนระยะในวงการได้ยาก
มีทั้งดีและเสีย ด้านดีคือเกมเข้มข้นขึ้น นักกีฬาต่างชาตินำมาตรฐานใหม่ๆ เข้ามาให้เห็น แต่ด้านลบคือ นักบาสไทยหลายคน ต้องเสียตำแหน่ง กลายเป็นตัวสำรอง หรือหมดโอกาสไปเลย