
เทพีการเกษตร ดีมิเทอร์ แม่ผู้รักลูกมากกว่าสิ่งใด
- J. Kanji
- 49 views
เทพีการเกษตร ดีมิเทอร์ เป็นเทพเจ้าที่ดูแลพืชผล และความอุดมสมบูรณ์ ในตำนานกรีก เรื่องราวของพระองค์ ไม่เพียงสะท้อนความเชื่อ ของชาวกรีกโบราณ เกี่ยวกับธรรมชาติ แต่ยังเต็มไปด้วยอารมณ์ ความรัก และความผูกพัน ระหว่างแม่กับลูก ซึ่งกลายเป็นตำนาน ที่เล่าขานสืบต่อกันมา อย่างยาวนาน
ดีมิเทอร์ เป็นลูกสาวของไททันผู้ยิ่งใหญ่ โครนัส กับ รีอา ซึ่งเป็นพี่น้อง ร่วมรุ่นเดียวกันกับ เทพเจ้าสำคัญ ของโอลิมปัสอย่าง เทพเจ้าซุส เทพเจ้าโพไซดอน และฮาเดส เธอถือเป็นหนึ่งในเทพีหลัก ที่มีบทบาทสำคัญ ในการดูแลโลกมนุษย์ โดยเฉพาะในด้านของพืชผล และการเกษตรกรรม
ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ของการดำรงชีวิต ของมนุษย์ในยุคนั้น เรียกได้ว่า ถ้าไม่มีดีมิเทอร์ โลกของมนุษย์ ก็จะเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง และอดอยากทันที เพราะเธอคือผู้ที่คอยหล่อเลี้ยงโลกใบนี้ ให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืน แต่ความสามารถของดีมิเทอร์ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ การเกษตรกรรม เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เพราะเธอยังมีพลัง ที่เกี่ยวข้องกับ การฟื้นฟูธรรมชาติ รักษาสมดุล ของสิ่งแวดล้อม และดูแลการเปลี่ยนผ่าน ของฤดูกาลอีกด้วย พลังของเธอ แสดงออกในรูปแบบ ที่ละเอียดอ่อน เช่น การผลิบานของดอกไม้ การงอกงามของต้นไม้ หรือแม้แต่การเกิด ของสายฝน ที่ช่วยให้พืชพรรณ เจริญเติบโต ได้อย่างสมบูรณ์ [1]
ดีมิเทอร์มีลูกสาว ที่เธอรักยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ชื่อว่า เพอร์เซโฟนี (Persephone) ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน อย่างมีความสุข ในทุ่งหญ้าเขียวขจี จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่เพอร์เซโฟนี เดินเล่นอยู่ที่ทุ่งหญ้า
ฮาเดส เจ้าแห่งยมโลก ดันเกิดตกหลุมรัก เพอร์เซโฟนีเข้าเต็มเปา เขาจึงลักพาตัวเธอ ลงไปยังโลกใต้พิภพ ดีมิเทอร์ที่รู้ว่า ลูกสาวของเธอหายตัวไป ก็ตกใจ และเศร้าใจอย่างรุนแรง เธอเริ่มออกเดินทาง ตามหาลูกสาว ไปทั่วทุกหนแห่ง แม้กระทั่งในโลกมนุษย์ และใต้น้ำ จนทำให้เธอ ไม่ยอมทำหน้าที่ของตัวเอง
ทำให้พืช ผลไม้ และธรรมชาติเหี่ยวแห้ง ดินแดนทั้งหลาย เข้าสู่ความแห้งแล้ง โลกทั้งใบจึงเผชิญกับฤดูหนาว อันโหดร้าย และยาวนาน จนไม่มีใครสามารถ ดำรงชีวิตได้ตามปกติ
ดีมิเทอร์ขู่ว่า เขาจะทำให้ธรรมชาติเหี่ยวแห้ง ไม่มีพืชผลอีกต่อไป หากไม่ได้ลูกกลับคืนมา ซุสในฐานะผู้นำ ของเหล่าเทพ เห็นว่าสถานการณ์ กำลังแย่ลงเรื่อย ๆ เลยต้องหาทางไกล่เกลี่ย เขาจึงเจรจากับฮาเดส ให้ปล่อยเพอร์เซโฟนี กลับคืนมา
แต่เนื่องจากเพอร์เซโฟนี กินเมล็ดทับทิม ของยมโลกไปแล้ว 4 เม็ด ตามกฎของโลกใต้พิภพ เธอจึงต้องกลับไปอยู่ ที่นั่นทุกปี เป็นระยะเวลา 4 เดือน และอยู่กับดีมิเทอร์อีก 8 เดือน ข้อตกลงนี้ จึงเป็นต้นกำเนิด ของฤดูกาล [2]
เหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ดีมิเทอร์ ได้รับการเคารพบูชา อย่างกว้างขวาง ในหมู่ชาวกรีกก็คือ เธอเป็นเทพี ที่มอบชีวิตให้กับผู้คน ในรูปแบบของอาหาร และธรรมชาติ หากไม่มีดีมิเทอร์ โลกก็คงแห้งแล้ง และปราศจากความอุดมสมบูรณ์ พิธีกรรมที่สำคัญ ในการบูชาเธอคือ Eleusinian Mysteries
ซึ่งจัดขึ้นในเมือง Eleusis และเป็นพิธีที่ลึกลับมาก ผู้ที่เข้าร่วม ต้องเก็บงำความลับ ของพิธีอย่างเคร่งครัด เชื่อกันว่าพิธีนี้ เป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์ กับธรรมชาติ และเผยความเข้าใจ เกี่ยวกับการเกิด แก่ เจ็บ และตาย [3]
ภาพของดีมิเทอร์ มักจะถูกถ่ายทอดออกมา ในลักษณะที่สง่างาม และสงบ เธอมักถือรวงข้าว หรือรวงข้าวโพด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของผลผลิต จากธรรมชาติ ตะกร้าผลไม้ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และคบเพลิง ที่ใช้ตามหาลูกสาว ยังสื่อถึงความหวัง
นอกจากนี้ ยังมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างงู และหมูป่า ที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรม ของเธออีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงพลัง แห่งธรรมชาติ และความลึกลับ ที่อยู่ในตัวเธอ
แม้ว่าในปัจจุบัน ศาสนาเทพเจ้ากรีก จะไม่ใช่ศาสนา ที่เป็นศาสนาหลักอีกต่อไป แต่บทบาทของดีมิเทอร์ ยังคงมีอิทธิพล ในหลายแง่มุมของสังคม เช่น การเกษตร การอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือแม้กระทั่ง ในการศึกษา ทางปรัชญา และจิตวิทยา
ในคนบางกลุ่ม ยังมีการนำเรื่องราวของเธอ มาปรับใช้ในพิธีกรรมใหม่ ๆ หรือใช้เป็นสัญลักษณ์ ในการแสดงออกถึง พลังของผู้หญิง และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ระหว่างมนุษย์ กับธรรมชาติ
สรุป เทพีการเกษตร ดีมิเทอร์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ ผู้ควบคุมพืชผลเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ ของความรัก ของแม่ที่ยิ่งใหญ่ ความสูญเสีย และการกลับคืนของชีวิต เรื่องราวของเธอ เกี่ยวพันกับวัฏจักร ของธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ทั้งในเรื่องฤดูกาล การเติบโต และการเปลี่ยนผ่านของชีวิต คนกรีกจึงให้ความเคารพ ต่อดีมิเทอร์เป็นอย่างมาก
เพราะเธอเศร้า และเสียใจมาก ที่เพอร์เซโฟนี ถูกพาตัวไปอยู่ในยมโลก ทำให้ไม่มีแรงใจ ในการดูแลธรรมชาติ และละทิ้งหน้าที่ ของตนชั่วคราว ส่งผลให้โลก เกิดฤดูหนาวอันยาวนาน ที่ไม่มีพืชผลใด เจริญเติบโต
เรื่องของดีมิเทอร์ และเพอร์เซโฟนี ถูกนำมาใช้เป็นคำอธิบาย เชิงสัญลักษณ์ของฤดูกาล โดยช่วงที่ลูกกลับมาอยู่กับแม่ โลกจะอุดมสมบูรณ์ เป็นฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อน แต่เมื่อเพอร์เซโฟนี ต้องกลับไปอยู่กับฮาเดส โลกก็กลายเป็นฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว เป็นการสะท้อนถึงธรรมชาติ และอารมณ์ของดีมิเทอร์ ที่ส่งผลโดยตรงต่อโลก