
แมวไทย ในสมุดข่อย ตำนานความเชื่อที่ถูกบันทึกไว้
- Harry P
- 128 views
แมวไทย ในสมุดข่อย ในค่ำคืนแห่งกรุงศรีอยุธยา บรรดานักปราชญ์ และจารึกเถราจารย์ ได้นั่งล้อมวงกัน อยู่เบื้องหน้าสมุดข่อยอันเก่าแก่ หน้ากระดาษที่ถูกจารึก ด้วยหมึกพู่กัน เผยให้เห็นภาพลายเส้น ของแมวไทยสายพันธุ์ต่างๆ พร้อมบทบรรยาย ที่ละเอียดลออ ว่าด้วยความเชื่อ และลักษณะเฉพาะของพวกมัน
สมุดข่อยเกี่ยวกับแมวไทยนั้น ถูกสร้างขึ้นในช่วงยุครุ่งเรือง ของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศิลปะ วรรณกรรม และภูมิปัญญาของไทย
ภายในสมุดข่อยเหล่านี้ มีการบันทึกเรื่องราว เกี่ยวกับแมวสายพันธุ์ต่างๆ รวมไปถึงบทกวี คาถามงคล และตำราทำนาย ที่เชื่อมโยงถึงโชคลาภ อำนาจ และคุณสมบัติพิเศษ ของแมวแต่ละชนิด
สมุดข่อยเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำรา แต่เป็นดั่งบันทึก แห่งความรุ่งเรือง ของอารยธรรมไทย ที่สะท้อนถึง สายสัมพันธ์อันแนบแน่น ระหว่างผู้คนกับสัตว์เลี้ยง คู่บ้านคู่เมือง
ว่ากันว่าแมว เป็นสัตว์คู่บุญของกษัตริย์ และขุนนาง บางครั้งถึงขนาด ถูกนำไปเป็นของกำนัล ระหว่างอาณาจักร เพื่อแสดงถึงมิตรไมตรี และความมั่งคั่ง สมุดข่อยที่จารึกเรื่องราวเหล่านี้ จึงเปรียบเสมือน คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้รับการเก็บรักษา ไว้เป็นอย่างดี [1]
แมวที่ถูกกล่าวถึงในสมุดข่อย แบ่งออกเป็น 17 สายพันธุ์หลัก ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ล้วนมีลักษณะเฉพาะ และความหมายเชิงมงคล ที่แตกต่างกันไป [2]
แมวเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยง แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ และความเป็นสิริมงคล ซึ่งเป็นสายพันธุ์ แมวไทย ควรอนุรักษ์ และผู้ครอบครองแมวเหล่านี้ มักจะได้รับการยกย่อง และการเคารพ จากผู้คนรอบข้าง
ในอดีต แมวไทยไม่ได้ถูกเลี้ยงไว้ เพียงเพื่อความน่ารัก หรือเป็นเพื่อนแก้เหงา แต่ยังเกี่ยวข้อง กับพิธีกรรมทางศาสนา และความเชื่อโบราณอีกด้วย ในพระราชพิธีแห่นางแมว ซึ่งทำขึ้นเพื่อขอฝน ในช่วงฤดูแล้ง จะมีการอัญเชิญแมวสีสวาด มาใส่กระบุง แล้วแห่ไปรอบหมู่บ้าน พร้อมกับการร้องขอ ให้ฝนตก [3]
มีแมวไทยบางสายพันธุ์ ที่ถูกใช้ในพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เช่น แมวโกนจาที่มีขนดำสนิท ถูกเชื่อว่าเป็นสื่อกลาง ในการสื่อสารกับวิญญาณ หรือเทพเจ้า ในขณะที่แมววิเชียรมาศ เป็นที่ต้องการของขุนนาง และพระมหากษัตริย์ เพราะเชื่อว่าช่วยเสริมบารมี และปกป้องจากภัยร้าย
แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่สมุดข่อย ที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับแมวไทย ยังคงเป็นสมบัติล้ำค่า ทางวัฒนธรรม ปัจจุบันมีการค้นพบ และเก็บรักษาตำราเหล่านี้ ไว้ในหอสมุดแห่งชาติ รวมถึงวัดโบราณบางแห่ง ที่ยังคงมีสำเนา ของตำราเหล่านี้อยู่
นักวิชาการ และผู้ที่รักแมวไทย ต่างพยายามฟื้นฟู ข้อมูลจากสมุดข่อย เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ ในการอนุรักษ์สายพันธุ์แมวไทยให้คงอยู่ ไม่ให้ถูกกลืนหายไป ตามกระแสของยุคโลกาภิวัตน์ การเพาะเลี้ยงแมวไทยสายพันธุ์แท้ กลายเป็นกระแสนิยม ที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีการส่งออกแมวไทย ไปยังต่างประเทศ
เพื่อเป็นทูตทางวัฒนธรรม อันทรงคุณค่า และในขณะเดียวกัน ศิลปินไทยรุ่นใหม่ ได้นำลวดลาย และลักษณะของแมวไทย จากสมุดข่อย ไปสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด จิตรกรรมฝาผนัง หรือแม้แต่เครื่องราง ที่จำลองแมวมงคล เพื่อเสริมสิริมงคล ให้แก่ผู้บูชา
เมื่อเรากลับไปมอง สมุดข่อยเหล่านี้อีกครั้ง เราจะไม่ได้เห็น เพียงแค่หมึกพู่กัน ที่จารึกเป็นตัวอักษร แต่มันคือจิตวิญญาณ ของบรรพบุรุษไทย ที่ต้องการถ่ายทอด ภูมิปัญญาอันล้ำค่า ให้แก่คนรุ่นหลัง เป็นหน้ากระดาษ ที่บันทึกตำนาน อันยิ่งใหญ่ของแมวไทย ที่ยังคงมีชีวิต และเดินอยู่เคียงข้างเรา จนถึงทุกวันนี้
สรุป สมุดข่อยแมวไทย ไม่เพียงแต่เป็นตำรา ที่บันทึกสายพันธุ์ ของแมวไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นหน้าต่าง ที่เปิดสู่โลกของความเชื่อ วัฒนธรรม และคติชน ของชาวไทยในอดีต มันสะท้อนให้เห็นว่า แมวมิใช่เพียงสัตว์เลี้ยง แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ พลังอำนาจ และความผูกพัน ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
เพราะสมุดข่อยเป็นบันทึกโบราณ ที่รวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับแมวไทยสายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ บรรยายลักษณะของแมวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความเชื่อ วัฒนธรรม และคติชนของคนไทยในอดีต
แมวสีสวาดในอดีต ถูกใช้ในพิธีแห่นางแมว เพื่อขอฝน โดยประชาชนจะนำแมว มาใส่กระบุง แล้วแห่ไปรอบหมู่บ้าน พร้อมกับสาดน้ำใส่แมว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสายฝน เชื่อกันว่า หากแมวร้องเสียงดัง ฝนจะตกตามฤดูกาล