แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

โค้ชอาสา กับสนามปูน ปลุกเยาวชนโดยไม่มีงบประมาณ

โค้ชอาสา กับสนามปูน

โค้ชอาสา กับสนามปูน จิตวิญญาณของ “โค้ชอาสา” และ “สนามปูน” ที่กลายเป็นเวทีปลุกความฝัน ให้กับเยาวชนในชุมชน เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ของประเทศไทย และนี่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของกีฬา แต่มันคือเรื่องของการสร้างคน การสานสัมพันธ์ และการจุดไฟเล็กๆ ในใจของเด็กหลายคนให้ลุกโชน

  • จุดเริ่มต้นของโค้ชอาสา
  • ผลลัพธ์ที่ได้จากการเป็นโค้ชอาสา
  • การเปลี่ยนแปลงในทางบวก เมื่อมีโค้ชอาสาในชุมชน

โค้ชอาสา กับสนามปูน จุดเริ่มต้นจากใจไม่ใช่เงินทุน

หลายคนมักเชื่อว่า การฝึกกีฬาให้เยาวชน ต้องมีงบประมาณ ต้องมีผู้สนับสนุน ต้องมีโครงสร้างพร้อมสรรพ แต่สำหรับโค้ชอาสาหลายคนแล้ว พวกเขาเริ่มจาก “ใจ” ล้วนๆ ไม่มีกระบวนการทางการเงิน ไม่ได้คาดหวังรางวัล ไม่ได้หวังค่าตอบแทน

แต่กลับยินดีที่จะตื่นเช้า ออกมาจัดตารางซ้อม จัดทีม หาอุปกรณ์เก่าๆ มาซ่อมแซมใช้งาน และสอนเด็กๆ ทุกเย็นหลังเลิกเรียน หนึ่งในหัวใจสำคัญ ของความสำเร็จเหล่านี้ คือสนามปูนเก่าๆ ข้างโรงเรียน ข้างวัด หรือพื้นที่รกร้าง ที่ถูกแปลงเป็นสนามบาส

ไม่ใช่สนามที่ได้มาตรฐาน ตามเกณฑ์ระดับประเทศ ไม่มีผู้ตัดสินมืออาชีพ ไม่มีแสงไฟสปอร์ตไลต์ แต่เป็นพื้นที่ ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงฝีเท้าวิ่ง เสียงลูกบาสกระทบพื้น และเสียงของความหวัง ที่ค่อยๆก่อร่างสร้างตัว

โค้ชผู้เป็นมากกว่าผู้ฝึกกีฬา

โค้ชอาสา กับสนามปูน

คำว่า “โค้ช” สำหรับเด็กๆ ที่เติบโตในชุมชนเหล่านี้ ไม่ได้แปลว่าคนที่สอน วิธีเลี้ยงลูกบาส หรือยิงลูกให้ลงห่วงเท่านั้น โค้ชอาสาคือพี่ชาย พี่สาว คุณลุง หรือแม้แต่ครู ที่สวมบทบาทในยามว่าง พวกเขาคือที่ปรึกษา คือแรงบันดาลใจ และคือคน ที่ทำให้เด็กหลายคนเชื่อมั่นว่า “เราก็ทำได้”

โค้ชหลายคน มาจากอดีต นักบาสอาชีพ ที่ยังรักในสิ่งที่เคยทำ หรือบางคน ไม่ได้เคยเป็นนักกีฬาด้วยซ้ำ เพียงแต่เห็นว่า เด็กในชุมชน ไม่มีทางเลือก ไม่มีที่ไป และเสี่ยงจะเดินทางผิด จึงตัดสินใจเปิดสนามปูน เปิดโอกาส และเปิดใจ ให้กับเด็กๆทุกคน [1]

นี่คือภาพที่เกิดขึ้นจริง และกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั่วประเทศ

  • ไม่มีลูกบาส ก็หาลูกเก่ามาซ่อมใช้
  • ไม่มีเสื้อทีม ก็ไม่ต้องมี เราเล่นด้วยใจ
  • ไม่มีน้ำดื่ม ก็แบ่งกันกินจากขวดเดียวกัน

โค้ชอาสา กับสนามปูน โรงเรียนชีวิตกลางแจ้ง

เด็กๆหลายคน ไม่ได้เก่งกาจ มาตั้งแต่ต้น บางคนเคยถูกดุเพราะไม่ยอมฟัง บางคนไม่เคยรู้จักคำว่า “ทีมเวิร์ก” แต่ผ่านเวลาไม่กี่เดือน ในสนามปูนเหล่านี้ พวกเขาเริ่มเรียนรู้กฎของกีฬา กฎของการอยู่ร่วมกัน และสิ่งสำคัญที่สุดคือ กฎของการเคารพ ซึ่งกันและกัน

สนามปูนไม่ใช่แค่สถานที่ฝึกกีฬา แต่มันคือโรงเรียนชีวิต ที่โค้ชจะสอนด้วยความอดทน ไม่ได้มีแผนการสอนชัดเจน ไม่มีคู่มือ แต่ใช้ประสบการณ์ และความเข้าใจ ในตัวเด็กแต่ละคน อย่างแท้จริง

เด็กๆได้เรียนรู้ที่จะสื่อสาร อย่างตรงไปตรงมา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักให้อภัย และรู้จักสนับสนุนกัน สนามที่ไม่มีเงินลงทุนนี้ กลับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่บางครั้ง ให้บทเรียนที่ลึกซึ้ง กว่าในห้องเรียนจริงด้วยซ้ำ

ผลลัพธ์ที่เกินคาด ไม่ใช่แค่เด็กแต่ทั้งชุมชนเปลี่ยนไป

โค้ชอาสา กับสนามปูน

ความเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในตัวเด็กๆเท่านั้น เมื่อผู้ปกครองเห็นลูกกลับบ้าน ด้วยสีหน้าที่สดใส มีวินัย มีความรับผิดชอบ ความไว้วางใจในโค้ช ก็ค่อยๆเติบโตตามไปด้วย บางครอบครัวที่เคยขัดแย้งกัน เริ่มมีบทสนทนาใหม่ จากคำว่า “วันนี้ลูกเล่นบาสกับโค้ชหรือเปล่า”

บางคนที่เคยเมินเฉย กับเรื่องเยาวชนในชุมชน ก็เริ่มเข้ามาช่วยดูแลสนามปูน กวาดพื้น ซ่อมแซมไฟ หรือแม้แต่หาเงินสมทบทุน เพื่อซื้ออุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ สนามปูนจึงกลายเป็นศูนย์กลาง ทางสังคมเล็กๆ ของชุมชน โดยไม่ต้องผ่านนโยบายใดๆ จากภาครัฐ ไม่ต้องรอการอนุมัติ จากหน่วยงานใดทั้งสิ้น [2]

เสียงของเด็กๆจากสนามปูน

  • “ผมไม่เคยคิด ว่าจะมีใครสอนผมแบบนี้ โดยไม่คิดเงินเลย”
    คำพูดจากเด็กชายคนหนึ่ง ที่เคยมีปัญหาในครอบครัว และค้นพบความสุขครั้งแรกในสนามปูน
  • “ตอนแรกหนูไม่ชอบเล่นกีฬาเลย แต่พอได้มาอยู่ทีมกับเพื่อนๆ หนูรู้สึกว่ามีที่ของตัวเอง”
    เด็กหญิงคนหนึ่ง ที่เคยถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน กลับพบมิตรภาพ ในทีมบาสเล็กๆที่ชุมชน

โอกาสเล็กๆที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต

บ่อยครั้งที่เรื่องราว ของการทำความดี มักเล่าจากมุมของ “ผู้ให้” โค้ชอาสาผู้เสียสละเวลา แรงกาย แรงใจ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่สิ่งที่น่าทบทวนไม่แพ้กันคือ “เสียงจากเด็กๆ” ที่เติบโตภายใต้ร่มเงา แห่งความเมตตา และได้รับโอกาสเล็กๆ ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต

เด็กหลายคน ที่เดินเข้าสนามปูนด้วยรองเท้าขาดๆ และไม่รู้แม้แต่กติกา กลับได้พบโลกใหม่ ที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ เด็กที่เคยไม่อยากไปโรงเรียน เริ่มมีวินัยในการตื่นเช้า เพราะรู้ว่ายามเย็น ต้องไปซ้อม เด็กที่เคยขี้อาย เริ่มกล้าสื่อสาร และยกมือเสนอความคิดเห็น

เด็กที่เคยโดนตราหน้าว่า “จะไปได้สักแค่ไหน” กลับกลายเป็นคน ที่เพื่อนๆเคารพ เพราะความพยายาม บางคนอาจไม่เคยมีถ้วยรางวัลสักใบ แต่หลายคน ได้เปลี่ยนเส้นทางชีวิต จากที่จะไหลไปตามสังคมรอบข้าง ที่เปราะบาง กลายเป็นคนที่มีเป้าหมาย มีความฝัน และรู้จักคุณค่าของตนเอง [3]

ความเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นได้จาก “หนึ่งคน”

สิ่งที่โค้ชอาสาหลายคน พิสูจน์ให้เห็นแล้ว คือการเปลี่ยนแปลงชุมชน หรือสังคม ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากโครงการใหญ่โต เพียงมี “หนึ่งคน” ที่กล้าลงมือทำ แม้จะไม่มีงบประมาณ ไม่มีชื่อเสียง แต่ถ้าเขา ทำด้วยใจแท้จริง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ก็อาจยิ่งใหญ่เกินที่ใครจะคาดคิด

การฝึกเด็กให้เล่นบาส บนสนามปูนเก่า ไม่ใช่เป้าหมายปลายทาง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสังคมที่ดีกว่า สังคมที่เยาวชนมีที่ยืน สังคมที่เชื่อในพลัง ของความเสียสละ และสังคม ที่เริ่มต้นจากหัวใจ ของคนธรรมดาๆ

ท้ายที่สุด เพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ก็อาจยิ่งใหญ่กว่าที่คิด

อยากให้ลองเลย หากมีชุมชนใดที่ยังไม่มีสนามกีฬา ไม่มีพื้นที่ให้เยาวชน ได้แสดงศักยภาพ ลองมองหา “สนามปูน” ที่ร้าง หรือแม้แต่ลานว่างเล็กๆ แล้วเริ่มจากเพียงหนึ่งคน ที่กล้าจะเป็น “โค้ชอาสา” คุณอาจจะกลายเป็นแรงบันดาลใจ ที่เปลี่ยนอนาคต ของเด็กหลายคน และอาจเปลี่ยนทั้งชุมชน ไปตลอดกาล

สนามปูนธรรมดาจะช่วยเปลี่ยนชีวิตเด็กๆ ได้จริงหรือ ?

ได้จริง และได้มาแล้วในหลายชุมชน สนามปูนไม่ใช่แค่พื้นที่เล่นบาส แต่เป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ที่เด็กๆ ได้เรียนรู้คุณธรรมผ่านกีฬา และได้ฝึกฝนทักษะชีวิตที่จำเป็น เช่น ความอดทน ความรับผิดชอบ และการอยู่ร่วมกัน สนามปูนจึงเปรียบเหมือนโรงเรียนกลางแจ้ง ที่เต็มไปด้วยบทเรียนที่สัมผัสได้ด้วยใจ

ถ้าอยากเป็นโค้ชอาสาในชุมชน ต้องเริ่มอย่างไร ?

เริ่มจากสิ่งที่มี ไม่ใช่จากสิ่งที่ขาด ถ้าคุณมีเวลา มีใจรัก และเข้าใจเด็ก คุณก็เป็นโค้ชอาสาได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิ ไม่ต้องมีงบ ขอเพียงแค่เริ่มต้นจากความจริงใจ หาสนามเล็กๆ ใกล้บ้าน ลองชวนเด็กๆ มาฝึกพื้นฐาน ลองฟังเขา พูดกับเขา แล้วคุณจะพบว่าความสัมพันธ์นี้ มีพลังมากกว่าที่คุณเคยคิด

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง